มะม่วงหิมพานต์
อันดับต่อมาเราจะขอนำเสนอ มะม่วงหิมพานต์ พืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกกันทั่วไป เเต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากประโยชน์ทางด้านการเกษตรเเล้ว โทษของมันก็มีเช่นกัน ฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าโทษของมันคืออะไรนั้น จะร้ายเเรงเเค่ไหน เชิญไปศึกษาได้เลย
ชื่่อวิทยาศาสตร์: Anacardium
occidentale L.
วงศ์ :
Anacardiaceae
ชื่อสามัญ :
Cashew Nut Tree
ชื่ออื่น :
กะแตแก (มลายู-นราธิวาส) กายี ตำหยาว ท้ายล่อ ส้มม่วงชูหน่วย (ภาคใต้) นายอ
(มลายู-ยะลา) มะม่วงกาสอ (อุตรดิตถ์) มะม่วงกุลา มะม่วงลังกา มะม่วงสิงหน
มะม่วงหยอด (ภาคเหนือ) มะม่วงทูนหน่วย ส้มทูนหน่วย (สุราษฎร์ธานี) มะม่วงยางหุย
มะม่วงเม็ดล่อ (ระนอง) มะม่วงไม่รู้หาว มะม่วงหิมพานต์ (ภาคกลาง) ยาร่วง (ปัตตานี)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 6-10 เมตร
- ใบ ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวแบบเรียงสลับ ขนาดกว้าง 7.5-10 เซนติเมตร โคนใบแหลม ปลายใบมน ช่อดอกยาว 15-20 เซนติเมตร โดยแตกออกจากซอกใบและปลายกิ่ง
- ดอก กลีบดอกเริ่มแรกจะมีสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพู มีการพัฒนาฐานรองดอกให้ขึ้น มีลักษณะคล้ายผลชมพู่ สีเหลืองแกมชมพู แล้วค่อยเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง เนื้อในนิ่ม ที่ปลายจะมีผลติดอยู่เป็นรูปไต ลักษณะเปลือกแข็ง สีน้ำตาลแกมเทา ยาว 2.5-3 เซนติเมตร
พิษของมะม่วงหิมพานต์
- ส่วนที่เป็นพิษ : ยางจากผล
- สารพิษ:esin, diterpene ester
- การเกิดพิษ : ถ้าถูกยางจากผลทำให้เกิดบาดแผลพุพองต่อผิวหนัง ถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองรุนแรงต่อปาก ลิ้น คอ และหลอดลมอักเสบ
- การรักษา :ถ้าน้ำยางถูกภายนอก ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แล้วล้างเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ช่วยให้น้ำยางออกมมากยิ่งขึ้น ถ้ามียาที่เข้าสเตียรอยด์ใช้ทา ถ้ารับประทานเข้าไป ให้ใช้ activated charcoal (ถ่าน) รับประทาน ล้างท้องหรือทำให้อาเจียน ถ้าอาการหนักให้ส่งโร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น